รีวิว Squid Game (2021) สควิดเกม เล่นลุ้นตาย เกมที่ต้องแลกด้วยชีวิต

Squid Game (2021) หรือชื่อไทย สควิดเกม เล่นลุ้นตาย ไม่ใช่เพียงแค่ซีรีส์ธรรมดา แต่กลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกที่สร้างกระแสสุดปัง ซีรีส์มาพร้อมกับแนวคิดที่แปลกใหม่ นำการละเล่นพื้นบ้านในวัยเด็กมาแปลงให้กลายเป็นเกมแห่งความเป็นความตายที่ท้าทายจิตใจคนดู ความสำเร็จของ Squid Game พิสูจน์ได้จากการก้าวขึ้นสู่อันดับ 1 บน Netflix Thailand อย่างรวดเร็ว พร้อมสร้างกระแสให้ผู้ติดตามใน Instagram ของนักแสดงเพิ่มขึ้นแบบพลิกชีวิตกันเลยทีเดียว มีทั้งแบบซับไทยและพากย์ไทย ครบทั้ง 9 ตอนที่สามารถรับชมได้แล้ววันนี้ทาง Netflix เชื่อว่าทุกคนจะต้องลุ่นไปกับเรื่องราวการเอาชีวิตรอด และยังสะท้อนซ่อนแง่มุมทางสังคมและจิตวิทยาไว้ในเนื้อหาได้อย่างชาญฉลาด

ชื่อเรื่อง Squid Game (2021) หรือชื่อไทย สควิดเกม เล่นลุ้นตาย

• ประเภท  ดิสโทเปีย, เอาชีวิตรอด, ระทึกขวัญ, สยองขวัญ
• กำกับโดย ฮวัง ดง-ฮย็อก
• จำนวน 9 ตอน
• ฉาย เมื่อวันที่ 17 กันยายน ค.ศ. 2021

นำแสดงโดย

• อี จอง แจ
• ปาร์ค แฮซู
• วี ฮา-จุน
• โฮยอนจอง
• โอ ยองซู
• ฮอ ซองแท
• อนุปัม ตรีปาตี
• คิมจูรยอง

เรื่องย่อ Squid Game สควิดเกม เล่นลุ้นตาย

เมื่อชีวิตมันห่วยเกินกว่าจะหาทางออก ซองกีฮุน (รับบทโดย อีจองแจ) พระเอกของเรื่อง ต้องเผชิญกับความลำบากทุกด้านในชีวิต ทั้งการหย่าร้าง การไม่มีงานมั่นคง และการใช้ชีวิตเกาะแม่ไปวัน ๆ ยิ่งกว่านั้นเขายังติดการพนันแข่งม้าอย่างหนัก แม้จะเคยได้เงินก้อนจากการพนัน แต่ก็ถูกเจ้าหนี้ตามจิกและถูกขโมยไปจนหมด ชีวิตที่ย่ำแย่สุดขีดพาเขามาเจอกับชายลึกลับ (รับบทโดย กงยู) ที่เสนอเกมท้าทายให้เล่น พร้อมรางวัลเป็นเงินสดก้อนใหญ่

เมื่อซองกีฮุนตัดสินใจเล่นเกมแรกและชนะ เขาได้รับนามบัตรจากชายลึกลับคนนั้นที่เชิญให้เข้าร่วมเกมที่ยิ่งใหญ่กว่า ด้วยความจนตรอก เขาจึงยอมโทรหาและถูกพาตัวไปยังสถานที่ลับ ที่ซึ่งเขาได้พบกับคนอีก 455 คนที่ชีวิตเต็มไปด้วยความลำบากไม่ต่างกัน รวมถึงโจซังอู (รับบทโดย พัคแฮซู) เพื่อนบ้านผู้เคยเป็นเด็กเรียนเก่งจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง ผู้เข้าร่วมทั้งหมดจะต้องเล่นเกม 6 เกม ซึ่งมีเงินรางวัลสูงถึง 45,600 ล้านวอน (ราว ๆ 1,300 ล้านบาท) แต่กติกาง่าย ๆ ที่ฟังดูเหมือนไม่มีอะไรซับซ้อนกลับมีความหมายที่น่ากลัว ผู้แพ้จะต้องจ่ายด้วยชีวิต แม้จะอ้างว่าเกมนี้ยุติธรรม แต่ความเป็นจริงกลับเต็มไปด้วยความโหดร้ายและความสิ้นหวัง ท่ามกลางความหวังในเงินรางวัลก้อนโต ทุกคนต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดในสนามแข่งแห่งความเป็นความตายนี้ แล้วซองกีฮุนและคนอื่น ๆ จะเอาชีวิตรอดจากเกมที่แสนโหดร้ายนี้ได้หรือไม่

บทวิจารณ์ในมุมมองหลาย ๆ ด้าน

รีวิว Squid Game: ซีรีส์ที่พุ่งทะยานจากกระแสสู่ปรากฏการณ์ระดับโลก การขยี้สังคมทุนนิยม และเกมแห่งความตาย Squid Game โดดเด่นด้วยการวิพากษ์วิจารณ์ สังคมทุนนิยมที่แยบยล โดยเฉพาะการสะท้อนความเหี้ยมโหดของมนุษย์ในสถานการณ์สุดโต่ง ซีรีส์ใช้ตัวละครเศรษฐีผู้ชอบเดิมพันชีวิตผู้อื่น เป็นจุดยืนที่น่าขยะแขยง ผสมกับตรรกะที่ไร้เหตุผลของลุง 001 ที่พยายามหาเหตุผลให้ความสนุกบนความตาย ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่ช่วยให้คนดูรู้สึกโกรธและสะท้อนใจ กับความอยุติธรรมในสังคม

• จุดเด่น ที่ยากจะลืมหนึ่งในสิ่งที่สร้างกระแสให้ Squid Game คือการนำการละเล่นวัยเด็กมาตีความใหม่จนกลายเป็นเรื่องราวที่ชวนหลอน เกมอย่าง AEIOU ถูกเปลี่ยนให้เป็นภาพของความโหดเหี้ยม โดยใช้ตุ๊กตาขนาดใหญ่ที่น่ารักแต่กลับสังหารได้อย่างเลือดเย็น ทั้งนี้ยังมีเกมอื่น ๆ ที่ทำให้ผู้ชมเกิดอารมณ์ลุ้นระทึกในทุกตอน
• จุดบกพร่องที่ไม่อาจมองข้าม แม้ Squid Game จะเป็นซีรีส์ที่มีแนวคิดแปลกใหม่ แต่ในบางส่วนกลับไม่สอดคล้องกับบริบทของตัวเรื่อง ตัวอย่างเช่น การดึงดราม่ามากเกินไปในช่วงท้ายที่ขัดกับโทนของเกมเอาชีวิตรอด ซึ่งผู้เล่นควรมีความเห็นแก่ตัวสูงสุดเพื่อเอาตัวรอด นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ของตัวละครที่ดูเหมือนถูกยัดเยียดเกินจริง เช่น การช่วยเหลือ และความเสียสละที่ไม่สมเหตุสมผลใน เกมแห่งความตาย
• ข้อดีที่สร้างอนาคตให้ Squid Game ได้มีโอกาสต่อยอดให้กับสังคม ซีรีส์นี้ไม่ได้จบเพียงแค่บนหน้าจอเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้ต่อยอดในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นสินค้า การผลิตภาคต่อ หรือการสร้างคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในระดับธุรกิจ และหลายๆ ด้านอีกด้วย

คะแนนโดยรวม: 8/10

Squid Game เป็นซีรีส์ที่นำเสนอได้อย่างโดดเด่น ด้วยการผสมผสานการละเล่นวัยเด็กเข้ากับแนวคิดวิพากษ์สังคมได้อย่างชาญฉลาด สะท้อนปัญหาทุนนิยม และความเหลื่อมล้ำในสังคมได้ชัดเจน ฉากเกมแต่ละเกมถูกออกแบบให้น่าติดตาม และเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ข้อเสียหลักของซีรีส์คือการดราม่าที่ถูกเพิ่มเข้ามาในช่วงท้าย ทำให้ความสมจริงของการเอาชีวิตรอดลดลง หรือผิดเพี้ยนไปจากหลักการเอาชีวิตรอด และในตอนจบที่ตัวเอกเปลี่ยนแปลงตัวเองแบบฉับพลัน 

ถึงแม้ Squid Game จะมีจุดบกพร่องในบางแง่มุม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นซีรีส์ที่สร้างปรากฏการณ์ระดับโลก ด้วยการนำเสนอที่แปลกใหม่และสะท้อนสังคมได้อย่างชัดเจน ความสำเร็จของซีรีส์นี้ จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความคาดหวังใน Squid Game ซีซั่น 2 ซึ่งผู้ชมทั่วโลกต่างรอคอยว่าเรื่องราวจะเข้มข้นและน่าติดตามยิ่งขึ้นกว่าเดิม